เมนู

69. อรรถกถาอาสยานุสยณาณุทเทส


ว่าด้วย อาสยานุสยญาณ


สัตว์ทั้งหลาย ข้องอยู่ด้วยฉันทราคะในขันธ์ทั้งหลายมีรูปขันธ์
เป็นต้น เรียกว่า สตฺตา - สัตว์ทั้งหลาย ในคำนี้ว่า สตฺตานํ อา-
สยานุสเย ญาณํ - ญาณในอาสยานุสัยของสัตว์ทั้งหลาย
. สมจริง
ดังคำที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า
ดูก่อนราธะ เพราะเหตุที่ความพอใจ ความ
กำหนัด ความเพลิดเพลิน ความทะยานอยากใน
รูปแล เป็นผู้ข้องในรูป เป็นผู้เกี่ยวข้องในรูปนั้น
ฉะนั้นจึงเรียกว่า สัตว์ เพราะเหตุที่ความพอใจ
ความกำหนัด ความเพลิดเพลิน ความทะยาน
อยากในเวทนา... ในสัญญา... ในสังขาร ...
ในวิญญาณ เป็นผู้ข้องในวิญญาณ เป็นผู้เกี่ยวข้อง
ในวิญญาณนั้น ฉะนั้น จึงเรียกว่า สัตว์1
ดังนี้
เป็นต้น
ส่วนอาจารย์ผู้เพ่งเฉพาะตัวอักษร ไม่ใคร่ครวญถึงอรรถะ ก็ลง
ความเห็นว่า คำนี้เป็นเพียงคำนามเท่านั้น. ฝ่ายอาจารย์เหล่าใดใคร่
ครวญถึงอรรถะ, อาจารย์เหล่านั้น ก็ย่อมประสงค์ ความว่า ชื่อว่า
1. สํ. ขนฺธ. 17/367.

สัตว์ เพราะประกอบกับสิ่งทั้งปวง. สิ่งใดอาศัยอยู่ เป็นที่อาศัยอยู่แห่ง
สัตว์เหล่านั้น ฉะนั้นสิ่งนั้นจึงชื่อว่า อาสยะ, คำนี้เป็นชื่อของสันดาน
อันมิจฉาทิฏฐิ หรือสัมมาทิฏฐิอบรมแล้ว, หรือว่าอันโทษทั้งหลาย มี
กามเป็นต้น หรือคุณทั้งหลายมีเนกขัมมะเป็นต้น อบรมแล้ว. กิเลส
ใด ๆ ที่นอนเนื่องเป็นไปตาม อยู่ในสันดานของสัตว์ ฉะนั้น กิเลสนั้น ๆ
จึงชื่อว่า อนุสยา. คำนี้เป็นชื่อของกิเลสทั้งหลาย มีกามราคะเป็นต้น
อันมีกำลัง.
อาสยะ ด้วย อนุสยะ ด้วย ชื่อว่า อาสยานุสยะ. พึงทราบ
ว่าเป็นเอกวจนะ โดยชาติศัพท์และด้วยสามารถแห่งทวันทวสมาส. อธิ-
มุติกล่าวคือจริต สงเคราะห์เข้าในอาสยานุสยะ, เพราะเหตุนั้น ใน
อุทเทสท่านจึงสงเคราะห์ญาณในจริตาธิมุติ เข้าด้วยอาสยานุสยญาณ
แล้วจึงกล่าวว่า อาสยานุสเย ญาณํ - ญาณในอาสยานุสยะ. ก็
ท่านทำอุทเทสไว้ด้วยประสงค์ใด, นิทเทสท่านก็ทำไว้ด้วยประสงค์นั้น
นั่นแล.

70. อรรถกถายมกปาฏิหีรญาณุทเทส


ว่าด้วย ยมกปาฏิหีรญาณ


พึงทราบคำวินิจฉัยในคำว่า ยมกปาฏิหีเร ญาณํ - ญาณใน
ยมกปาฏิหีระ
นี้ ดังต่อไปนี้